วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2558

"ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์" แข้งตีนระเบิดของซีเกมส์ไทย

"ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์" แข้งตีนระเบิดของซีเกมส์ไทย

 
ผ่านพ้นไปแล้ว 2 นัดสำหรับการแข่งขันฟุตบอลซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ของทีมชาติไทย ซึ่งทัพ "ช้างศึก" ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการเก็บชัยชนะทั้ง 2 นัดทั้งจาก ติมอร์ เลสเต้ ในนัดแรก 3-1 และนัดที่ 2 ถล่ม อินโดนีเซีย 4-1
 
ทำให้เวลานี้ ทีมชาติไทย เก็บได้ 6 คะแนนเต็ม ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงกลุ่มบี โดยมีแต้มเท่ากับ พม่า เจ้าภาพ แต่ประตูได้ทีมไทยมีเยอะกว่า เพราะเรายิงไป 7 ลูก เสีย 2 ลูก ส่วน พม่า ยิงได้ 6 ลูก เสีย 1 ลูก
 
จากผลงาน 2 นัดที่ผ่านมา ทีมชาติไทย ได้รับคำชมจากแฟนบอลทั่วทั้งประเทศไทยว่า "เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม" และขยับขึ้นไปเป็นตัวเต็ง "แชมป์" ซีเกมส์ครั้งนี้ไปโดยปริยาย
 
ความดีความชอบคงต้องยกให้ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ทีมชุดนี้ และเหล่านักเตะทุกคนที่เล่นได้อย่างเยี่ยมยอด โดยเฉพาะ "เจ้านิว" ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ กองกลางตัวเก่งวัย 21 ปี ที่สามารถยิงประตูได้ทั้ง 2 นัดที่ทีมชาติไทยลงสนาม
 
โดยนัดแรกกับ ติมอร์ เลสเต้ "เจ้านิว" เป็นผู้ยิงประตูเบิกร่องให้กับทีมชาติไทย ส่วนนัดที่ 2 ก็เป็นคนยิงประตูปิดท้ายให้ไทยถล่ม "อิเหนา" รองแชมป์เก่าไปแบบเละเทะ
 
 
ผลงานและฟอร์มการเล่นของ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ เป็นที่จับตามองของหลายฝ่าย เขาพัฒนาตัวเองได้เร็วมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จนทำให้ปัจจุบันนี้ "เจ้านิว" ถือเป็นนักเตะดาวรุ่งที่ "ฮอต" ที่สุด
 
จุดเด่นของ "เจ้านิว" คือการเติมเกมบุกที่ดุดัน และความขยันวิ่งแบบไม่มีหมด โดยตลอดทั้ง 2 นัด ฐิติพันธ์ ช่วยทีมชาติไทยได้มากทั้งเกมรับและเกมรุก นอกจากนั้นเขายังมีจังหวะการยิงไกลที่อันตราย ซึ่งทำให้ ทีมชาติไทย มีอาวุธที่หลากหลายมากขึ้น
 
สำหรับประวัติส่วนตัวของ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ เขาเกิดเมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ.2535 ปัจจุบันอายุ 21 ปี เป็นบุตรชายของ ''น้าเด๋อ'' ไพโรจน์ พ่วงจันทร์ อดีตกองหลังทีมชาติไทย ซึ่ง "เจ้านิว" เริ่มต้นเล่นฟุตบอลตั้งแต่ยังเด็ก โดยมีคุณพ่อเป็นอาจารย์คนแรกในการสอนเชิงลูกหนัง
 
ในวัยเด็ก "เจ้านิว" เป็นนักฟุตบอลโรงเรียนของ โรงเรียนกีฬากรุงเทพฯ จากนั้นเข้าศึกษาที่โรงเรียนสตรีวิทยา 2 ในระดับมัธยม และเริ่มฉายแววเด่นตั้งแต่นั้นมา จนมีชื่อติดทีมชาติ ชุดเยาวชนในรุ่น 15 ปี และ 19 ปีตามลำดับ โดยสามารถพาทีมชาติไทย คว้าแชมป์ฟุตบอลเยาวชน 19 ปีชิงแชมป์อาเซียนได้สำเร็จอีกด้วย
 
 
ในปี พ.ศ.2554 "เจ้านิว" เริ่มต้นชีวิตการค้าแข้งนักฟุตบอลอาชีพกับทีม สุพรรณบุรี เอฟซี ทีมบ้านเกิด ซึ่งเวลานั้นยังอยู่ในระดับดิวิชั่น 1 ก่อนที่ปีต่อมาจะได้ย้ายไปร่วมทีม เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และอยู่รับใช้ในถิ่น "กิเลนผยอง" มาจนถึงปัจจุบัน
 
จากฟอร์มอันเยี่ยมยอดของ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ในการเล่นให้ เอสซีจี เมืองทองฯ ตลอด 2 ปี ทำให้เขาได้รับเกียรติสูงสุดด้วยการมีชื่อติดทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ในยุคของ วินฟรีด เชเฟอร์ และสามารถพังประตูในนามทีมชาติไทยได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
 
ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ได้กล่าวเปิดใจถึงชีวิตการค้าแข้งของตัวเองว่า "ผมขอขอบคุณ คุณพ่อและคุณแม่ และโค้ชทุกท่านที่ช่วยผลักดันและสนับสนุนผมจนสามารถเป็นนักฟุตบอลอาชีพได้ ซึ่งผมจะขอพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆเพื่อให้เก่งขึ้นกว่านี้ และจะขอรับใช้ทีมชาติไทยให้นานที่สุด"
 
"ส่วนในการแข่งขันซีเกมส์ครั้งนี้ ผมและทุกคนในทีมตั้งความหวังไว้มากว่าเราต้องคว้าแชมป์มาครองให้ได้ เนื่องจากเราผิดหวังกับการแข่งขันซีเกมส์มาแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งทีมชุดนี้มีการเตรียมทีมกันมานาน ดังนั้นผมมั่นใจว่าเราจะมอบความสุขให้แฟนบอลชาวไทยได้สำเร็จ"
 
คงต้องติดตามกันต่อไปว่า "เจ้านิว" ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ จะสามารถพาทีมชาติไทย คว้าแชมป์ซีเกมส์มาครองได้อย่างที่หวังหรือไม่ ซึ่งพวกเราที่เป็นแฟนบอลชาวไทย คงต้องขอส่งแรงใจไปเชียร์อย่างเต็มที่
 
 
 
 
 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น